2.คำสรรพนาม
คำสรรพนาม หมายถึง
คำที่ใช้แทนคำนามที่กล่าวถึงมาแล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องกล่าวคำนามนั้นซ้ำอีก
เช่นคำว่า ฉัน เรา ดิฉัน กระผม กู คุณ
ท่าน ใต้เท้า เขา มัน สิ่งใด ผู้ใด นี่
นั่น อะไร ใคร บ้าง เป็นต้น คำสรรพนามแบ่งออกเป็น
๖ ชนิด ดังนี้
๑.
บุรษสรรพนาม คือ คำ สรรพนามที่ใช้แทนผู้พูด
แบ่งเป็นชนิดย่อยได้ 3 ชนิด คือ
๑.๑
สรรพนามบุรุษที่ ๑ ใช้แทนตัวผู้พูด เช่น ผม ฉัน
ดิฉัน กระผม ข้าพเจ้า กู เรา ข้าพระพุทธเจ้า
อาตมา หม่อมฉัน เกล้ากระหม่อม
๑.๒
สรรพนามบุรุษที่ ๒ ใช้แทนผู้ฟัง หรือผู้ที่เราพูดด้วย เช่น
คุณ เธอ ใต้เท้า ท่าน ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ฝ่าพระบาท พระคุณเจ้า
๑.๓
สรรพนามบุรุษที่ ๓ ใช้แทนผู้ที่กล่าวถึง เขา มัน ท่าน
พระองค์
๒.
ประพันธสรรพนาม คือ
คำสรรพนามที่ใช้แทนคำนามและใช้เชื่อมประโยคทำหน้าที่เชื่อมประโยคให้มีความสัมพันธ์กัน
ได้แก่คำว่า ที่ ซึ่ง อัน ผู้
๓.
นิยมสรรพนาม คือ
สรรพนามที่ใช้แทนนามชี้เฉพาะเจาะจงหรือบอกกำหนดความให้ผู้พูดกับผู้ฟังเข้าใจกัน
ได้แก่คำว่า นี่ นั่น โน่น
๔.
อนิยมสรรนาม คือ
สรรพนามใช้แทนนามบอกความไม่ชี้เฉพาะเจาะจงที่แน่นอนลงไป ได้แก่คำว่า
อะไร ใคร ไหน ได บางครั้งก็เป็นคำซ้ำๆ เช่น
ใครๆ อะไรๆ ไหนๆ
๕.
วิภาคสรรพนาม คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนาม
ซึ่งแสดงให้เห็นว่านามนั้นจำแนกออกเป็นหลายส่วน ได้แก่คำว่า
ต่าง บ้าง กัน เช่น
- นักเรียน"บ้าง"เรียน"บ้าง"เล่น
- นักเรียน"ต่าง"ก็อ่านหนังสือ
๖.
ปฤจฉาสรรพนาม คือ สรรพนามที่ใช้แทนนามที่เป็นคำถาม ได้แก่คำว่า
อะไร ใคร ไหน ผู้ใด สิ่งใด ผู้ใด ฯลฯ
เช่น
- "ใคร" ทำแก้วแตก
- เขาไปที่
"ไหน"
หน้าที่ของคำสรรพนาม
มีดังนี้คีอ
๑.
เป็นประธานของประโยค เช่น
- "เขา"ไปโรงเรียน
- "ใคร"ทำดินสอตกอยู่บนพื้น
๒.
ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค (ผู้ถูกกระทำ) เช่น
- ครูจะตี"เธอ"ถ้าเธอไม่ทำการบ้าน
- คุณช่วยเอา"นี่"ไปเก็บได้ไหม
๓.
ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มหรือส่วนสมบูรณ์ เช่น
- กำนันคนใหม่ของตำบลนี้คือ"เขา"นั่นเอง
- เขาเป็น"ใคร"
๔.
ใช้เชื่อมประโยคในประโยคความซ้อน เช่น
- ครูชมเชยนักเรียน"ที่"ขยัน
๕.
ทำหน้าที่ขยายนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมของประโยค
เพื่อเน้นการแสดงความรู้สึกของผู้พูด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น