3.คำกริยา
ความหมายของคำกริยา
คำกริยา
หมายถึง คำแสดงอาการ การกระทำ
หรือบอกสภาพของคำนามหรือคำสรรพนาม เพื่อให้ได้ความ เช่นคำว่า
กิน เดิน นั่ง นอน เล่น จับ เขียน อ่าน
เป็น คือ ถูก คล้าย เป็นต้น
ชนิดของคำกริยา
คำกริยาแบ่งเป็น
๕ ชนิด
๑.
อกรรมกริยา คือ คำกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับก็ได้ความสมบูรณ์
เข้าใจได้ เช่น
- เขา"ยืน"อยู่
- น้อง"นอน"
๒.
สกรรมกริยา คือ คำกริยาที่ต้องมีกรรมมารับ
เพราะคำกริยานี้ไม่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง เช่น
- ฉัน "กิน"ข้าว
(ข้าวเป็นกรรมที่มารับคำว่ากิน)
- เขา"เห็น"นก
(นกเป็นกรรมที่มารับคำว่าเห็น)
๓.
วิกตรรถกริยา คือ คำกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง
ใช้ตามลำพังแล้วไม่ได้ความ ต้องมีคำอื่นมาประกอบจึงจะได้ความ
คำกริยาพวกนี้คือ เป็น เหมือน คล้าย เท่า คือ
เช่น
- เขา"เป็น"นักเรียน
-
เขา"คือ"ครูของฉันเอง
๔.
กริยานุเคราะห์ คือ
คำกริยาที่ทำหน้าที่ช่วยคำกริยาสำคัญในประโยคให้มีความหมายชัดเจนขึ้น
ได้แก่คำว่า จง กำลัง จะ ย่อม คง ยัง
ถูก นะ เถอะ เทอญ ฯลฯ เช่น
- นายดำ"จะ"ไปโรงเรียน
-
เขา"ถูก"ตี
๕.
กริยาสภาวมาลา คือ คำกริยาที่ทำหน้าที่เป็นคำนามจะเป็นประธาน
กรรม หรือบทขยายของประโยคก็ได้ เช่น
- "นอน"หลับเป็นการพักผ่อนที่ดี
(นอน
เป็นคำกริยาที่เป็นประธานของประโยค)
- ฉันชอบไป"เที่ยว"กับเธอ
(เที่ยว เป็นคำกริยาที่เป็นกรรมของประโยค)
หน้าที่ของคำกริยามีดังนี้คือ
๑.
ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงในภาคแสดงของประโยค เช่น
- ขนมวางอยู่บนโต๊ะ
- นักเรียนอ่านหนังสือทุกวัน
๒.
ทำหน้าที่ขยายคำนาม เช่น
- วันเดินทางของเขาคือวันพรุ่งนี้
("เดินทาง"
เป็นคำกริยาที่ไปขยายคำนาม "วัน")
๓.
ทำหน้าที่ขยายกริยา เช่น
- เด็กคนนั้นนั่งดูนก
("ดู" เป็นคำกริยาที่ไปขยายคำกริยา "นั่ง")
๔.
ทำหน้าที่เหมือนคำนาม เช่น
- ออกกำลังกายทุกวันทำให้ร่างกายแข็งแรง
("ออกกำลังกาย" เป็นคำกริยา ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค)
- เด็กชอบเดินเร็วๆ
("เดิน" เป็นคำกริยา
ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค)
1 ความคิดเห็น:
สามารถนำความรู้ไปศึกษาต่อได้เลยคะ
แสดงความคิดเห็น